เครื่องฉายภาพ 3 มิติ (Digital Visualizer)
หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า เครื่องฉายภาพ 3 มิติ กับเครื่องฉายภาพทึบแสง เป็นตัวเดียวกันหรือไม่..คำตอบคือ "ไม่" ค่ะ
เครื่องฉายที่อยู่ด้านหน้า บทความเป็นเครื่องฉายภาพทึบแสงค่ะ..เครื่องนี้เป็นยี่ห้อ Braun ค่ะ
สำหรับเครื่องฉายภาพทึบแสง (Opaque projector) เป็นอุปกรณ์การฉายภาพที่ใช้หลักการฉายสะท้อน (Reflected projection system) สามารถฉายภาพวัตถุได้ด้วยตัวของมันเอง ข้อเสียของเครื่องฉายชนิดนี้ คือ ต้องใช้กับวัตถุขนาดเล็ก ๆ ทีสามารถวางแท่นได้ ต้องใช้ห้องที่มืดมาก ๆ หรือมืดสนิทจึงจะมองเห็นภาพบนจอชัดเจน เครื่องมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายไม่สะดวกเหมาะสำหรับตั้งอยู่กับที่มากกว่าเคลื่อนย้าย
เครื่องฉายภาพ 3 มิติ (Digital Visaulizer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฉายภาพจากวัตถุ 3 มิติ วัตถุทึบแสง เช่น กระดาษ หนังสือ ตัวอย่างสินค้า อะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงสามารถฉายแผ่นใส ฟิล์มสไลด์ ได้ด้วย หรือสรุปรวมง่าย ๆ ว่าเครื่องฉายภาพ 3 มิติ สามารถฉายวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นของจริงได้ รวมทั้งฉายภาพเคลื่อนไหว ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ หรือวัตถุขนาดใหญ่ โดยการหมุนกล้องจับภาพในอุปกรณ์เพียงหนึ่งเดียว ทำให้สะดวกในการนำเสนอ ผู้ใช้ไม่ต้องใช้กล้องถ่ายวีดีโอ หรือเครื่องฉายสไลด์เพิ่มเติม ไม่ต้องแปลงงานที่ต้องการนำเสนอให้เป็นแผ่นใสก่อนใช้งาน เหมือนกับการใช้เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (Over head projector) การใช้เครื่องฉายภาพ 3 มิติ นั้น จะต้องใช้ร่วมกับเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ (projector) หรือจอมอนิเตอร์ทีวี เป็นตัวช่วยในการแสดงสัญญาณภาพ นี่เป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องฉายภาพทึบแสงค่ะ
ส่วนประกอบของเครื่องฉายภาพ 3 มิติ
1. กล้องจับภาพ ทำหน้าที่ถ่ายภาพวัตถุที่วางบนแท่นวางให้ปรากฏที่จอ ในเครื่องฉายฯ บางรุ่น ตัวกล้องสามารถหมุนได้รอบทิศทาง และสามารถเลื่อนกล้องขึ้น-ลง ได้
อุปกรณ์สร้างสัญญาณภาพที่พบบ่อย ๆ
2. แท่นวาง เป็นที่สำหรับวางสิ่งที่ต้องการฉาย ด้านบนมีลักษณะเป็นแก้วใส มีไฟส่องสว่างด้านล่าง ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดปิดไฟได้ตามความต้องการใช้งาน ดังนั้นหากสิ่งของที่ต้องการฉายเป็นโลหะหรือวัตถุอื่น ๆ ที่แข็งและหนักควรวางแต่เบามือ เพื่อป้องกันการชำรุด แต่ในเครื่องฉาย ฯ บางรุ่น บางยี่ห้อ เช่น Avervision Lumens จะไม่มีแท่นวาง เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และน้ำหนักเบา ผู้ใช้สามารถวางวัตถุไว้บนโต๊ะ หรือกระดาษสีขาวแทนได้ค่ะ
3. หลอดไฟให้แสงสว่าง เพื่อให้สิ่งที่ต้องการฉายแสดงบนจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยทั่วไปจะมีหลอดไฟที่แท่นวาง 1 ดวง และหลอดไฟฉายข้าง 2 ดวง เครื่องฉายฯ บางยี่ห้อ จะใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อให้อายุการใช้งานของหลอดนานขึ้น เช่น ยี่ห้อ Razr หรือ Vertex บางรุ่น อายุหลอดนาน กว่า 10,000 ชั่วโมง
4. ช่องต่อสัญญาณเข้าและออก ใช้สำหรับต่อสัญญาณเข้ากับเครื่อง เครื่องที่มีราคาสูงก็ยิ่งมีช่องเชื่อมต่อมาก อาจมีช่อง HDMI, VGA x 2 หรือสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB เพื่อเก็บภาพไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ (PC interface)
5. ช่องเสียบอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ช่องเสียบแผ่นสไลด์ มักมีบริเวณหัวกล้องมีในเครื่องฉายฯ หลายรุ่น ในปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานช่องเสียบ memory card เช่น CF card/SD card ช่องต่อหัวกล้องจุลทรรศน์
6. ชุดคำสั่ง สำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของเครื่อง เช่น การปรับโฟกัส การปรับภาพสี-ขาวดำ การย่อ-ขยายภาพ การสลับสัญญาณ การเปิด-ปิดหลอดไฟ เป็นต้น ซึ่งเมนูดังกล่าวสามารถเรียกใช้ได้จาก Control panel หรือ Remote Control หรือแม้แต่การมีปุ่ม Auto setup เพื่อความสะดวกในการปรับแต่งค่า โดยปุ่มนั้มักเรียกสัญญาณเข้า ปรับโฟกัส ค่า Whitebalance ให้อัตโนมัติ
การเลือกซื้อเครื่องฉายภาพ 3 มิติ เบื้องต้น
1. จุดประสงค์หลักในการใช้งาน ผู้ใช้ควรสำรวจความต้องการใช้งานว่า ต้องการใช้สำหรับงานที่มีความละเอียดมากน้อยเพียงใด เป็นเอกสารทั่วไป ภาพสไลด์หรือฉายภาพแผงอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ขนาดเล็ก หากต้องใช้งานกับวัตถุที่มีความละเอียดสูง ก็ควรเลือกเครื่องฉายฯ ที่มีความละเอียดของกล้องสูงตั้งแต่ 780000 Pixels ขึ้นไป และมีอุปกรณ์สร้างสัญญาณภาพที่ดี อาจเป็น PS CCD, แต่ถ้าเป็นวัตถุ เอกสารทั่วไป มีงบประมาณในการซื้อจำกัด ก็สามารถเลือกใช้เครื่องฉายฯ ที่มีความละเอียดประมาณ 470000 pixels เป็นแบบ CCD หรือ CMOS มาใช้งานได้ค่ะ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรสอบถามจากผู้ที่เคยใช้งาน หรือ พนักงานขายก็ได้ค่ะ
บทความนี้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ และประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัว หากมีข้อแนะนำเพิ่มเติมสามารถส่งมาได้ที่ info@pratimatrading.com ค่ะ
สงวนสิทธิ์โดยบริษัท ประติมา จำกัด ไม่อนุญาตให้คัดลอกไปใช้ทางการค้า