เคยสงสัยไหมค่ะว่า จอ 150 ขนาดจริง ๆ แล้วคือเท่าไหร่ แล้วจอแบบแขวนมือดึง กับจอตรึงจะซื้อแบบไหนดีกว่ากัน เนื้อจอที่เรียกกันว่า HD กับ Matt white ต่างกันยังไง จอแบบ 1:1 กับจอ wild screen ต่างกันตรงไหน....มาพบกับคำตอบกันค่ะ
ขนาดของจอฉายหรืออัตราส่วนของภาพ
โดยทั่วไปแล้วจอฉายจะมีอยู่ 3 แบบค่ะ คือ
1. Square Format (1:1) หมายถึง ความสูงและความกว้างของเนื้อจอมีขนาดเท่ากัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เราจะเรียกจอแบบนี้ว่า จอขนาด 70 นิ้ว x70 นิ้ว หรือ 50 นิ้ว x50 นิ้ว ค่ะ
2. Video Format (4:3/1.33) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 4 : 3 เหมือนจอโทรทัศน์ค่ะ รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านิดๆ จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น
- จอแบบ 100 นิ้ว (4:3) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2 เมตร สูง 1.5 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 100 นิ้ว
- จอแบบ 150 นิ้ว (4:3) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 3.05 เมตร สูง 2.44 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 150 นิ้ว
3. HDTV format (16:9/1.78) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 16: 9 ภาพจะเป็น Wide screen เหมือนจอภาพยนตร์ หรือภาพที่เราเห็นจากเครื่องเล่นDVD รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวกว่าแบบ 4:3 จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น 92 นิ้ว 106 นิ้ว เหมือนแบบ 4:3 แต่ว่าขนาดกว้างxยาว จะต่างกันค่ะ
- จอแบบ 92 นิ้ว (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.03 เมตร สูง 1.14 เมตร เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 92 นิ้ว
- จอแบบ 106 นิ้ว (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.34เมตร สูง 1.32 เมตรเมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 106 นิ้ว
แต่ขนาดดังกล่าวเป็นขนาดของเนื้อจอนะคะ เวลาซื้อมาติดตั้งจะมีความยาวของกระบอกจอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น จอแบบแขวนมือดึง 100 นิ้ว จะมีความยาวกระบอกจอประมาณ 2.15-2.30 เมตร แต่ถ้าเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระบอกจอจะมีความยาวประมาณ 2.30-55 เมตร ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ แต่โดยทั่วไปแล้วจอมอเตอร์จะมีกระบอกจอที่ยาวกว่าแบบแขวนมือดึงค่ะ เนื่องจากมีส่วนที่เป็นมอเตอร์ควบคุมซ่อนอยู่ ส่วนจอตรึงจะมีขอบจอไม่กว้างมากนัก อาจจะเพิ่มจากความกว้างของเนื้อจอประมาณ 10-15 ซม.
ชนิดของจอ
1. จอฉายแบบแขวนมือดึง เหมาะสำหรับติดประจำห้องโดยยึดจอไว้กับฝ้าหรือกำแพง เวลาใช้ก็แค่ดึงจอลงมาเกี่ยวไว้ด้านล่าง และดึงกลับมาเลือกใช้
2. จอฉายแบบมอเตอร์ไฟฟ้า หน้าตาคล้ายๆกับแบบแรก แต่จะสะดวกตรงที่ไม่ต้องออกแรงดึงเองแต่จะมี รีโมทคอนโทรลคอยควบคุมการขึ้น-ลงของจอ ซึ่งจะเป็นรีโมททั้งแบบมีสายและไร้สาย เหมาะสำหรับจอขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่ดึงจอไม่สะดวกค่ะ
3. จอฉายแบบขาตั้ง เหมาะสำหรับงานที่ต้องเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่ ที่ไม่มีตำแหน่งยึดจอ หรือต้องการใช้งานชั่วคราว น้ำหนักจะมากกว่าแบบมือดึงเพราะมีขาตั้งมาด้วยค่ะ ส่วนขาตั้งจะมีทั้งที่เป็นแบบ 3 ขา (Tripod Projection Screen) หรือแบบ 2 ขา ตั้งขึ้นมาจากด้านข้าง
4. จอฉายแบบตรึง เป็นจอที่ขึงมาในกรอบ บางยี่ห้ออาจมีกรอบอลูมิเนียมบุกำมะหยี่สีดำ บางยี่ห้อเป็นสีน้ำเงิน เนื้อจอมักเป็นแบบ HD ซึ่ง ใช้สำหรับการชมภาพยนตร์ ติดตั้งภายในห้องค่ะ นอกจากนี้แล้วจอตรึงอีกแบบที่นิยมใช้ในบ้านเราตามร้านอาหารต่างๆ จะเป็นจอที่เจาะตาไก่แล้วร้อยกับโครงจอค่ะ จอแบบนี้มักใช้จอที่เป็นจอหนังมาทำ มีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 150-300 นิ้ว ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับงานกลางแจ้งต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็หาซื้อและสั่งทำได้ง่ายขึ้นค่ะ
5. จอแบบตั้งโต๊ะ เป็นจอขนาดเล็ก ส่วนมากจะมีขนาดประมาณ 40-50 นิ้ว เพื่อความสะดวกในการพกพา เวลาใช้ก็ดึงกระบอกจอออกมาแล้ววางบนโต๊ะนำเสนอเพื่อใช้งานได้ทันที
6. จอแบบตั้งพื้น เป็นจอที่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่ราคาจะสูงกว่าแบบขาตั้งธรรมดาแต่ดูสวยกว่า โดยจอประเภทนี่จะมีฐานจอขนาดใหญ่ ใช้ดึงจอจากด้านล่างขึ้นมาแล้วยึดกับโครงยึดจอด้านหลัง
เนื้อจอฉาย
1. Matte White มีค่า Gain 1.0 เป็นจอที่ได้รับความนิยมในตลาดสูงมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เหมาะกับงานนำเสนอตัวหนังสือจากคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายสไลด์ หรือ Overhead สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำสบู่ กันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย
2. Glass Beaded มีค่า Gain 2.5 ราคาจะสูงกว่าแบบ Matt White สามารถ สะท้อนแสงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีแสงรบกวนสูง และมีตำแหน่งของผู้ชมไม่กว้างมากนักเพราะจอมีมุมมองภาพที่แคบ แนะนำในการใช้งานกับการนำเสนอรูปภาพต่าง ๆ ไม่เหมาะกับการฉายภาพที่เป็นข้อมูลตัวหนังสือคอมพิวเตอร์ เช่น excel, word หรือภาพจาก Overhead นอกจากนี้เนื้อจอยังกันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เนื้อจอยับนะคะเพราะจะทำให้คุณภาพของภาพลดลงมากทีเดียวค่ะ (ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้วค่ะ)
3. Rear Gain 5.0 เนื้อจอภาพแบบฉายหลัง จอแบบนี้จะใช้ในกรณีที่เราติดตั้งเครื่องฉายไว้ด้านหลังจอค่ะ ตามโรงภาพยนตร์ จะมีจอแบบนี้อยู่เยอะค่ะ ถ้านึกไม่ออกก็จอที่เวลาเราขึ้นบันไดเลือนไปก็จะเห็นไงค่ะ จอที่มีคุณภาพดีจะมีการกระจายแสงที่ดี ให้ภาพที่คมชัด ราคาจะสูงกว่า 2 แบบแรกมากค่ะ
4. High Definition Gain 3.0 จอแบบนี้นิยมใช้กับห้องโฮมเธียเตอร์ในบ้าน แต่ก็สามารถใช้ในห้องประชุมได้ด้วย ภาพที่ได้จะให้คุณภาพสูงมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฉายเทียบกับจอแบบ Matt white และ Glass beaded ทีสำคัญราคาสูงพอ ๆ กับคุณภาพค่ะ
นอกจากจอที่ยกตัวอย่างมาแล้วยังมีเนื้อจออีกหลายชนิด ตามแต่ผู้ผลิตแต่ละรายค่ะ
ที่นี้พอรู้รายละเอียดแล้วว่าจอฉายภาพแต่ละแบบเป็นอย่างไร เรามีกฎง่าย ๆ 4 ข้อในการเลือกซื้อจอค่ะ
1. เลือกการใช้งาน ว่าต้องเคลื่อนย้ายจอไหม หรือติดอยู่กับที่จะใช้จอแขวน จอขาตั้ง หรือจอไฟฟ้า
2. เลือกเนื้อจอ ให้เหมาะกับ การใช้งานและงบประมาณ อยากได้ภาพคมๆ ก็ใช้จอแบบ HD ใช้งาน Present
ทั่วไป ก็เป็น Matt white Glass beade
3. เลือกอัตราส่วนภาพ ถ้าเราใช้จอดูภาพยนตร์เป็นส่วนใหญ่ ก็จะเป็นแบบ 16:9 ถ้าใช้งานทั่วไป ก็เป็นแบบ 4:3 แต่ถ้าห้องที่ใช้เพดานสูง กลัวจะดูไม่สวย ใช้ แบบ 1:1 ก็ได้ค่ะ
4. เลือกขนาดจอ ตามขนาดห้อง และความสว่างของเครื่อง ถ้าเครื่องฉายฯ ความสว่าง 2000-3000 ANSI ก็ไม่ควรใช้จอ เกิน 150 นิ้ว (ยกเว้นเป็นห้องมืดหรือมีแสงน้อยก็พอใช้ได้ค่ะ)
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถาม info@pratimatrading.com นะคะ
สงวนสิทธิ์ ข้อความโดยบริษัท ประติมา จำกัด